การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในตลาดภายนอก! ตลาดหุ้นญี่ปุ่นและเกาหลีร่วงทั้งกระดาน! สหรัฐอเมริกายังคงเป็นเหตุผลหลัก
ตลาดหุ้นในเอเชียแปซิฟิกกำลังเผชิญกับการขายทิ้ง ในวันพุธ ตลาดหุ้นในภูมิภาคนี้ตกหนักอีกครั้ง หลังจากเมื่อวานนี้เกิดการดิ่งตัวลง โดยตลาดหุ้นญี่ปุ่นและเกาหลีใต้เผชิญกับการลดลงอย่างรุนแรง
ดัชนี Nikkei 225 ปิดตลาดลดลง 1.66% ที่ 38,721.66 จุด และดัชนี KOSPI ของเกาหลีใต้ลดลง 2.64% ปิดที่ 2,416.93 จุด
ค่าเงินในเอเชียอ่อนตัว
ค่าเงินในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกอ่อนค่าลงทั่วทั้งภูมิภาค ดัชนีดอลลาร์สหรัฐเพิ่มขึ้น 0.4% ในวันอังคารแตะระดับ 105.95 และยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทะลุระดับ 106 ในวันนี้ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐต่อเยนแตะระดับ 155 เยน ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดของค่าเงินเยนเมื่อเทียบกับดอลลาร์นับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2024
ตลาดหุ้นในเอเชียแปซิฟิกดิ่งหนัก
ในวันพุธ ดัชนีในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกลดลงแทบทุกตลาด โดยตลาดหุ้นเกาหลีใต้ลดลงมากกว่า 2% โดยหุ้นน้ำหนักมาก เช่น Korea Zinc ลดลงกว่า 14%, LG Chem ลดลงกว่า 5%, POSCO ลดลง 5.25% และ Samsung Electronics ลดลง 4.53% ทำจุดต่ำสุดตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2020
คิมโซยอง รองประธานคณะกรรมการบริการการเงินเกาหลีใต้ กล่าวว่ารัฐบาลกำลังติดตามสถานการณ์ในตลาดการเงินอย่างใกล้ชิดและพร้อมที่จะดำเนินการตามความจำเป็นเพื่อเสถียรภาพตลาด
ปัจจัยจากสหรัฐฯ
นโยบายของสหรัฐฯ ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับตลาดในเอเชียแปซิฟิก นักลงทุนกังวลเกี่ยวกับมาตรการภาษีและนโยบายการค้าของทรัมป์ ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงของเงินเฟ้อและส่งผลต่อการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ
ธนาคาร Citi รายงานว่านักลงทุนอาจเผชิญกับความเสี่ยงจากการทำกำไรหลังการเลือกตั้ง เนื่องจากดัชนี S&P 500 และ Russell 2000 อยู่ในระดับการถือครองสูงสุดในรอบ 3 ปี
ความเสี่ยงในตลาด
สำนักงานบริหารความมั่งคั่ง UBS ระบุว่ามาตรการภาษีของทรัมป์อาจเริ่มดำเนินการในช่วงครึ่งหลังของปี 2025 หรือปี 2026 และคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐจะลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 25 จุดในเดือนธันวาคม และอาจลดลงอีก 100 จุดในปี 2025
อย่างไรก็ตาม ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายการค้าและความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน รวมถึงการเพิ่มความตึงเครียดในตะวันออกกลาง อาจเพิ่มความเสี่ยงให้กับตลาดการเงิน