คำถามที่ลึกซึ้ง

วันนี้เราจะถามคำถามที่ลึกซึ้ง: การค้าและการลงทุนมีความแตกต่างกันอย่างไร? โดยทั่วไปแล้ว สองอย่างนี้มีความคล้ายคลึงกัน แต่ถ้าจะให้แยกแยะอย่างละเอียด เราสามารถกล่าวได้ว่า "การลงทุน" มุ่งเน้นไปที่การเติบโตของความมั่งคั่งระยะยาว โดยใช้วิธีการ "ซื้อและถือ" ในขณะที่ "การค้า" เน้นการ "ซื้อและขาย" ที่บ่อยขึ้น การค้าและการลงทุนมีข้อได้เปรียบและข้อเสียที่ต่างกันไป นักเทรดที่ไม่เป็นมืออาชีพมักควรพิจารณาตนเองว่าเป็นนักลงทุน เมื่อคุณลงทุนนั้น คุณต้องมีความเข้าใจเกี่ยวกับภาพรวมทั้งหมด นักเทรดกลับต้องมองไปที่การวิเคราะห์ทางเทคนิคและพื้นฐานรายละเอียด สำหรับผมมีเพื่อนคนหนึ่งชื่อ Matt ที่สนใจในการลงทุน แต่ผมพบว่าเขาหมกมุ่นกับการตรวจสอบแนวโน้มราคาตลาดทุกชั่วโมง เขามีความสามารถในการรับความเสี่ยงสูงกว่านักลงทุนทั่วไป เมื่อราคาตลาดตรงกับความคาดหวัง เขาจะดีใจจนกระโดดขึ้นลง แต่ถ้าเป็นตรงกันข้าม เขาจะรู้สึกผิดหวังและหมดกำลังใจ ถือได้ว่า Matt ได้หลุดพ้นจากขอบเขตของการลงทุน อันที่จริงเขาได้สับสนระหว่างการลงทุนกับการค้า

สิ่งที่ไม่ควรทำเมื่อคุณลงทุน

เวลาลงทุนคุณไม่ควรทำ 4 สิ่งนี้: 1. อย่ามองความผันผวนเล็กน้อย สิ่งสำคัญคือให้คุณมองภาพรวม เมื่อคุณลงทุน คุณต้องจำไว้ว่าคุณจะถือสินทรัพย์นั้นในระยะยาว ดังนั้นกลยุทธ์ระยะยาวจึงเป็นกุญแจสำคัญ หากคุณได้ทำการวิจัยและวิเคราะห์เครื่องมือที่คุณถือแล้ว คุณน่าจะสามารถหาทิศทางราคาในอนาคตได้ 2. อย่าเริ่มลงทุนด้วยเงินจำนวนมาก หากคุณจะลงทุนในหุ้นของบริษัทหรือ ETF คุณควรเริ่มด้วยการซื้อในจำนวนเล็กน้อยก่อน ถ้าราคาลดลง คุณสามารถซื้อเพิ่มเติมในราคาที่ต่ำกว่าได้ คุณสามารถใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคเพื่อตรวจสอบโอกาสในการปรับราคาของตลาด และซื้อในราคาที่ดีกว่า 3. อย่าตกใจเมื่อราคาตก นักลงทุนหลายคนมักตกใจเมื่อเผชิญราคาที่ลดลง ซึ่งในระยะยาวราคาที่ตกอาจเป็นโอกาสที่ดีในการซื้อสินทรัพย์มากขึ้น 4. อย่าซื้อเมื่อราคาขึ้น ตลาดเต็มไปด้วยเสียงที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นสื่อสังคม โทรทัศน์ หรือคนรอบข้าง เสียงเหล่านี้จะดังขึ้นเมื่อราคากำลังเพิ่มขึ้น นักลงทุนบางคนเท่านั้นที่รู้ว่า หลังจากที่ราคาขึ้นจะมีการปรับตกลง ดังนั้นคุณจำเป็นต้องปิดเสียงดังกล่าวและยึดมั่นในหลักการการค้า เพื่อลงทุนในราคาที่ลดลง

สิ่งที่ควรทำเมื่อคุณค้า

สิ่งที่ควรทำเมื่อคุณค้า: 1. มองหาสิ่งกระตุ้นที่ทำให้ตลาดมีความผันผวน หากคุณต้องการค้า คุณควรมองหาสิ่งที่สามารถกระตุ้นให้เกิดความผันผวนได้ เช่น ข้อความจากบริษัท ข้อมูลที่เผยแพร่ หรือการประชุมที่สำคัญ เหตุการณ์เหล่านี้สามารถมีผลต่อทิศทางความผันผวนของตลาดในเวลาสั้น ๆ และให้โอกาสในการสร้างกำไรอย่างรวดเร็ว 2. ตั้ง Stop-loss ในการค้าฟอเร็กซ์ หากตลาดตรงข้ามกับความคาดหวัง คุณควรตั้ง Stop-loss เพื่อควบคุมการขาดทุน อย่าหวังว่าตลาดจะเปลี่ยนทิศทางในท้ายที่สุด นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จมากส่วนใหญ่จะมีความไวต่อการขาดทุนและพยายามควบคุมมันอย่างเต็มที่ 3. คอยตรวจสอบสถานการณ์คาร์ฟอเร็กซ์เป็นประจำ ถ้าคุณแน่ใจว่ามีเวลาเพียงพอในการตรวจสอบสถานการณ์คาร์ฟอเร็กซ์บ่อย ๆ คุณจึงจะเริ่มการค้า บางคนที่ค้ารายย่อยพบว่าตลาดขัดแย้งกับความคาดหวัง และตัดสินใจที่จะถือหุ้นระยะยาว ซึ่งอาจทำให้ติดขัดในธุรกิจที่ไม่เอื้ออำนวยกับตนเอง

บทสรุป

ไม่ว่าคุณจะอยู่ระหว่างการลงทุนหรือการค้า เป้าหมายของเราคือการเพิ่มความมั่งคั่ง ไม่ใช่การพอใจเพียงไม่กี่ครั้งที่ได้กำไร ไม่ว่าจะใช้วิธีใด มีความจริงหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยน นั่นคือ: ทำเงิน และให้เงินทำงานให้ตัวเอง