บทนำ

ในการค้า Forexนั้น การใช้การซื้อขายโดยมีมาร์จิ้นทำให้ระดับมาร์จิ้นมีการเปลี่ยนแปลงตามความผันผวนของราคา และส่วนของบัญชีก็จะเปลี่ยนแปลงตามกำไรและขาดทุน มาร์จิ้นและส่วนของบัญชีมีอัตราส่วนที่เราจะเรียกว่า อัตราส่วนตำแหน่ง หรือที่เรียกว่า อัตราส่วนการถือครอง ในการซื้อขายจริง การจัดการเงินทุนมีบทบาทสำคัญ โดยการใช้วิธีการจัดการเงินทุนที่เหมาะสมจะช่วยเพิ่มระดับกำไรและส่งเสริมความเสถียรของการค้า ในปัจจุบันมีวิธีการจัดการเงินทุนมากมายที่ใช้ในตลาด และมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ผู้เขียนขอนำเสนอวิธีการจัดการเงินทุนที่ยืดหยุ่น คือ วิธีการปรับสมดุลตำแหน่งทางการค้า

วิธีการจัดการเงินทุนแบบยืดหยุ่น

ในปัจจุบันในแผนการซื้อขายส่วนใหญ่ มีผู้ใช้วิธีการแบบคงที่ถาวร กล่าวคือ จำนวนตำแหน่งจะคงที่ตลอดจนกว่าจะถึงจุดหยุดขาดทุนและจุดเป้าหมาย วิธีการนี้ใช้งานง่าย แต่ค่อนข้างอืด ระยะเวลาการทำกำไรในระยะยาวของนักลงทุนขึ้นอยู่กับอัตราส่วนกำไรขาดทุนและอัตราความสำเร็จที่สูง วิธีการปรับสมดุลตำแหน่งทางการค้าทำให้สามารถเพิ่มอัตราส่วนกำไรขาดทุนในแต่ละครั้งได้ โดยจะทำให้ระดับกำไรในระยะยาวเพิ่มขึ้น

การทำงานของวิธีการปรับสมดุลตำแหน่ง

แนวคิดของวิธีการปรับสมดุลตำแหน่งคือการทำให้มาร์จิ้นของตำแหน่งคงที่ในสัดส่วนที่กำหนด เมื่อส่วนทั้งหมดของบัญชีมีการเปลี่ยนแปลง อัตราส่วนของตำแหน่งก็จะมีการเปลี่ยนแปลง เราทราบว่าหากจำนวนตำแหน่งคงที่ ความผันผวนของราคาที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงระดับมาร์จิ้นและการเปลี่ยนแปลงของส่วนบัญชีจะไม่เสมอกัน กล่าวคือในทางที่ถูกต้องอัตราส่วนของตำแหน่งจะลดลงเรื่อยๆ ในทางที่ผิดอัตราส่วนจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งหมายความว่าความสูญเสียมีจุดกำหนดแต่ไม่สามารถขยายความยืดหยุ่นของกำไรได้

การปรับสมดุลตำแหน่งเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่น

ด้วยการใช้วิธีการปรับสมดุลตำแหน่งเมื่ออัตราส่วนตำแหน่งเท่ากัน ในขณะทำทางที่ถูกต้อง จำนวนตำแหน่งจะค่อยๆ เพิ่มขึ้น ในขณะที่ทำทางที่ผิดจำนวนตำแหน่งจะลดลง กล่าวคือในขณะที่มีกำไรจะเพิ่มตำแหน่ง ในขณะที่มีการขาดทุนจะลดตำแหน่ง การใช้วิธีการปรับสมดุลตำแหน่งสามารถลดการขาดทุนและขยายกำไร ครั้งเดียวจะช่วยเพิ่มอัตราส่วนกำไรและขาดทุนจริง

ความเหมาะสมในการใช้ระดับอัตราส่วนตำแหน่ง

ในตลาดจริงในสภาพเศรษฐกิจที่มีความผันผวน จะมีการใช้ระดับอัตราส่วนตำแหน่งที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับบุคคลและสภาพตลาด โดยทั่วไปแล้วแผนที่จัดทำโดยระบบการตัดสินใจปกติควรมีอัตราส่วนตำแหน่งที่ไม่เกิน 60% แม้ว่าโอกาสจะตรงตามพื้นฐานและเทคนิคก็ตาม ในขณะที่ระบบการตัดสินใจที่ไม่ซ้ำกันควรมีอัตราส่วนตำแหน่งที่ไม่เกิน 30% ประสบการณ์ของผู้เขียนชอบใช้อัตราส่วนตำแหน่งไม่เกิน 30% เพราะจะช่วยให้จิตใจของนักเทรดมีความเสถียร

ข้อควรระวังในการปรับสมดุลตำแหน่ง

โดยสรุป ตราบใดที่นักเทรดรักษาตำแหน่งในระดับอัตราส่วนที่สมเหตุสมผล ไม่ว่าราคาจะเปลี่ยนแปลงอย่างไร ก็สามารถใช้การปรับสมดุลตำแหน่งเพื่อลดความเครียดในการซื้อขายได้ วิธีการปรับสมดุลตำแหน่งทางการค้าอาจถือได้ว่าเป็นเครื่องมือสนับสนุนในการควบคุมความเสี่ยงและเพิ่มกำไร อย่างไรก็ตาม การปรับสมดุลนี้จะอยู่ในช่วงอัตราส่วนกำไรขาดทุนตามแผน หากเงื่อนไขการปิดการซื้อขายถูกกระตุ้น จะไม่สามารถปรับเปลี่ยนตำแหน่งได้ แต่จะถูกต้องตามแผนการซื้อขายทั้งหมด

บทสรุป

วิธีการปรับสมดุลตำแหน่งทางการค้าเป็นวิธีการหนึ่งที่มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ในงวดที่ประสบความสำเร็จในตลาดอาจทำให้การปรับสมดุลเกิดช้าหรือบ่อยครั้ง จนส่งผลเพิ่มต้นทุนการปรับปรุงและความเสี่ยงการสูญเสีย อาจส่งผลกระทบต่อจิตใจในการซื้อขาย ดังนั้นการเลือกจังหวะที่เหมาะสมในการปรับสมดุลและการจับสั่นของตลาด จะเป็นทักษะที่นักเทรดควรพัฒนา ที่สำคัญคือเข้าใจแนวคิดในการใช้วิธีการเหล่านี้ รู้จักข้อดีและข้อเสียและนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างถูกต้อง