บทนำ

มีคำกล่าวว่า “ผู้ที่ไม่ทำแผนจะเป็นผู้วางแผนเพื่อความล้มเหลว” คำนี้อาจจะฟังดูเหมือนการแก้ตัว แต่ผู้ที่ต้องการประสบความสำเร็จ รวมถึงนักเทรด ควรจะพิจารณาคำนี้อย่างจริงจัง และถือเป็นคำกล่าวที่สำคัญ คุณสามารถถามนักเทรดที่สามารถรักษากำไรได้ เขาจะบอกคุณว่า: เทรดตามแผน หรือพ่ายแพ้ หากคุณมีแผนการเทรดหรือนักลงทุน ขอแสดงความยินดี! คุณอยู่ทางด้านที่ถูกต้องของคนกลุ่มน้อย นั่นคือด้านที่มีความจริง แม้ว่าจะไม่มีการรับประกันว่าคุณจะประสบความสำเร็จได้ 100% แต่หินขวางทางใหญ่ที่สุดในเส้นทางของความสำเร็จได้ถูกย้ายออกไปแล้ว หากแผนของคุณไม่เพียงพอหรือเทคนิคที่ใช้มีข้อบกพร่อง อาจทำให้ความสำเร็จของคุณล่าช้า แต่คุณจะอยู่ในตำแหน่งที่ดีกว่าในการปรับความก้าวหน้าในการเทรด ในกระบวนการนี้ คุณจะได้เรียนรู้สิ่งที่จริงจังและมีประโยชน์ต่อการเทรด รวมถึงวิธีหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นซ้ำๆ ที่ทำให้ต้องสูญเสียมากมาย.

1. การประเมินทักษะ

คุณพร้อมที่จะเทรดหรือไม่? คุณได้ทดสอบระบบการเทรดในบัญชีเดโมหรือยัง? คุณมีความมั่นใจในระบบนั้นหรือไม่? คุณสามารถติดตามสัญญาณได้อย่างไม่ลังเลหรือเปล่า? การเทรดคือสงครามระหว่าง “กำไร” และ “ขาดทุน” นักเทรดระดับมืออาชีพจะเตรียมพร้อมอยู่เสมอ พวกเขาจะได้รับกำไรจากคนที่ไม่มีแผน.

2. การเตรียมทางจิตใจ

คุณพักผ่อนมาดีเมื่อคืนนี้หรือไม่? สมองของคุณกระจ่างแจ้งไหม? หากจิตใจและอารมณ์ของคุณยังไม่พร้อมที่จะเผชิญกับสงครามในตลาด คุณควรหลีกหนีไปให้ไกล มิฉะนั้นคุณอาจเสียเงินหมดตัวได้ นี่ไม่ใช่การกล่าวเกินจริง เมื่อคุณรู้สึกโกรธหรือเมาเหล้า หรือถูกรบกวนจากสิ่งอื่น ขาดทุนจะมาเยือนคุณอย่างแน่นอน นักเทรดบางคนอาจกล่าวคำส่งเสริมตัวเองก่อนเข้าจับซื้อเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้น คุณก็สามารถค้นหาคำพูดที่สามารถกระตุ้นตัวเองได้เช่นกัน.

3. การตั้งค่าระดับความเสี่ยง

คุณควรรับความเสี่ยงเท่าไหร่ในแต่ละการเทรด? นักเทรดที่ประสบความสำเร็จหลายคนแนะนำให้ความเสี่ยงต่อการเทรดไม่ควรเกิน 1%-2% ของทุน นั่นหมายความว่า หากเกิดการขาดทุน คุณยังสามารถออกจากตลาดได้ตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับสไตล์การเทรดและระดับความสามารถในการรับความเสี่ยงของคุณ หากสถานการณ์ไม่เป็นใจ คุณควรพิจารณาออกจากตลาดเพื่อลงทุนใหม่ในวันถัดไป.

4. การตั้งเป้าหมาย

ก่อนการเทรด, คุณต้องตั้งเป้าหมายกำไรและอัตราความเสี่ยงที่เหมาะสมสำหรับการคาดหวังของคุณต่ำสุดคือเท่าไหร่? นักเทรดหลายคนคาดหวังกำไรที่อาจเกิดขึ้นมากกว่าความเสี่ยง 3 เท่า นั่นคือ อัตราความเสี่ยงต่อกำไรที่ 1:3 โดยทั่วไปเมื่อกำหนดเป้าหมายกำไร คุณต้องคำนึงถึงความเป็นจริง หากเป้าหมายกำไรไม่ได้รับการบรรลุ ควรปรับเปลี่ยนทัศนคติและประเมินอย่างมีสติว่าขอบเขตของคุณสมเหตุสมผลหรือไม่.

5. การทำการบ้านที่จำเป็น

ก่อนเปิดตลาด คุณรู้เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นทั่วโลกหรือไม่? สถานการณ์ในตลาดต่างประเทศเป็นอย่างไร? ตลาดฟิวเจอร์สเป็นบวกหรือลบ? ก่อนเปิดตลาด สถานการณ์ในตลาดฟิวเจอร์สสามารถบอกถึงอารมณ์ของตลาดได้ดีเมื่อใดที่ต้องมีการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจ? จดรายการเหตุการณ์หรือข้อมูลที่อาจมีผลกระทบต่อการเทรด จากนั้นตัดสินใจว่าคุณควรจับซื้อในช่วงเวลานั้นหรือไม่ นักเทรดหลายคนจะรอจนกว่าเวลาที่สำคัญจะผ่านไปก่อนจึงจะเริ่มทำการเทรด นักเทรดที่มีความชำนาญเท่านั้นที่จะเทรดตามการคาดการณ์ เพราะพวกเขาไม่ใช่นักเสี่ยงโชค.

6. การเตรียมการเทรด

ก่อนวันเทรด, รีสตาร์ทคอมพิวเตอร์และล้างแคช ไม่ว่าคุณจะใช้ระบบการเทรดไหน คุณจะต้องทำเครื่องหมายจุดสนับสนุนและแรงต้านที่สำคัญ รวมถึงตั้งค่าแจ้งเตือนสำหรับการเข้าหรือออก และต้องทำให้ชัดเจนเห็นทุกสัญญาณ พื้นที่ทำการเทรดของคุณไม่ควรมีสิ่งที่เกินความจำเป็น เพราะสิ่งที่รบกวนจะทำให้คุณเสียค่าใช้จ่าย.

7. การตั้งกฎออกจากตลาด

ข้อผิดพลาดที่นักเทรดส่วนใหญ่ทำคือมุ่งเน้นไปที่สัญญาณเข้ามากถึง 90% แต่กลับไม่สนใจกฎออก การยอมรับการขาดทุนอย่างยากลำบาก ทำให้หลายคนไม่ยอมออกจากการเทรด แต่เมื่อจุดหยุดขาดทุนเปิดใช้งานแล้ว แสดงว่าการตัดสินใจของคุณผิด อย่าให้มันกระทบอารมณ์คุณ นักเทรดมืออาชีพมักจะมีการขาดทุนมากกว่ากำไร แต่พวกเขาเก่งในการจัดการเงินและจำกัดความเสียหาย ยังไงก็สามารถรักษากำไรได้ ในการเข้าสู่การเทรด ทุกคนต้องรู้ว่าข้อกำหนดการออกคืออะไร คุณต้องมีการตั้งค่าขั้นต่ำสองถึงสามกรณีสำหรับการออก.

8. การตั้งกฎเข้าเทรด

เหตุผลที่การตั้งกฎเข้าอยู่หลังจากกฎออกคือ การออกมีความสำคัญมากกว่าการเข้า ระบบของคุณอาจซับซ้อนมาก เพื่อให้ดำเนินการการเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่มันต้องง่ายพอที่จะทำให้คุณตัดสินใจเร็วขึ้น คอมพิวเตอร์มักจะทำให้เป็นนักเทรดที่ดีได้ง่ายกว่ามนุษย์ เพราะมันไม่มีความรู้สึกเข้ามาเกี่ยวข้อง เมื่อเงื่อนไขครบถ้วน มันจะเข้าเทรด หากถึงเป้าหมายกำไรหรือเกิดปัญหา มันจะออกเทรด ทั้งหมดเกี่ยวกับปรัชญานี้ นักเทรดก็ควรจะเรียนรู้จากมันเช่นกัน.

9. การบันทึกประวัติการเทรดที่ครบถ้วน

นักเทรดที่เก่งทุกคนจะต้องเป็นนักบันทึกที่ดี หากได้กำไร พวกเขาต้องการทราบว่าเพราะอะไรถึงได้กำไรได้อย่างไร เช่นเดียวกับการขาดทุน พวกเขาก็ต้องการคำตอบเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดซ้ำซาก บันทึกเป้าหมายการทำกำไร การเข้าและออกจากการเทรด จุดสนับสนุนและแรงต้าน สถานการณ์เปิดปิดตลาดทุกวัน และเหตุผลที่คุณทำการเทรดรวมถึงประสบการณ์ที่ได้รับแน่นอนว่าคุณยังต้องเก็บบันทึกเก่าเพื่อวิเคราะห์สถานะการทำกำไรหรือขาดทุนของระบบการเทรด ประเมินเวลาการเทรดเฉลี่ยและข้อมูลอื่นๆ ที่สำคัญ การเทรดเป็นธุรกิจ และคุณคือผู้ตรวจสอบเพียงคนเดียว.

10. การสรุปผลหลังการเทรด

หลังจากการเทรดทุกวัน สิ่งที่สำคัญที่สุดไม่ใช่การคำนวณกำไรหรือขาดทุน แต่คือการชัดเจนว่าทำไมผลลัพธ์ถึงออกมาเป็นเช่นนั้น ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างไร ให้นำผลสรุปไปเขียนในบันทึกการเทรดของคุณ.

บทสรุป

การประสบความสำเร็จในเดโมการเทรดไม่ได้รับประกันว่าจะประสบความสำเร็จในตลาดจริง แต่การเทรดเดโมช่วยให้เทรดเดอร์สามารถใช้ระบบการเทรดได้อย่างชำนาญมากขึ้น การมีทักษะการเทรดที่เพียงพอย่อมสำคัญมากกว่าการเลือกระบบ การมีความมั่นใจในเรื่องการเทรดช่วยให้เทรดเดอร์ไม่ต้องสงสัยเกี่ยวกับการตัดสินใจของตัวเอง ในตลาด Forex ไม่มีการเทรดที่ไม่ขาดทุน นักเทรดมืออาชีพจะเลือกการเทรดที่มั่นใจ แม้จะพ่ายแพ้ในบางสนาม แต่พวกเขายังคงสามารถชนะการต่อสู้อย่างมั่นคง นี่คือสิ่งที่สำคัญ.