การใช้แนวโน้มขาขึ้นเป็นตัวอย่าง

เพื่อความกระชับของบทความนี้ เราจะยกตัวอย่างการใช้แนวโน้มขาขึ้นเป็นหลัก แนะนำให้คุณนึกภาพกราฟและรูปแบบที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น ในการเทรดแนวโน้ม เมื่อตลาดระดับสูงเป็นขาขึ้น และราคาได้ปรับตัวลงไปที่ระดับรองรับ ให้เปิดสถานะซื้อ โดยตั้งจุดหยุดขาดทุนอยู่ใต้ระดับรองรับ นี่คือวิธีการที่นักเทรดแนวโน้มมักใช้กัน

ตัวอย่างการเทรดตามแนวโน้ม

ยกตัวอย่างเมื่อระดับเวลาสี่ชั่วโมงมีแนวโน้มขาขึ้น เกิดการปรับตัวลดลง สังเกตระดับเวลาหนึ่งชั่วโมง เมื่อราคาตกลงไปที่ระดับรองรับในระดับเวลาหนึ่งชั่วโมงและสามารถยืนอยู่ได้นั้น ให้เปิดสถานะซื้อ นี่คือการทำตามแนวโน้มขาขึ้นที่ระดับสี่ชั่วโมง และตรงกันข้ามกับแนวโน้มขาลงในระดับหนึ่งชั่วโมง ข้อดีของการทำเช่นนี้คือการตั้งจุดหยุดขาดทุนที่ต่ำ แต่ได้กำไรสูง เพราะจุดหยุดขาดทุนถูกตั้งไว้ตามระดับเวลาหนึ่งชั่วโมง แต่เป้าหมายการทำกำไรนั้นตั้งตามระดับเวลาสี่ชั่วโมง ทำให้มีอัตราส่วนกำไรขาดทุนที่สูง

ข้อเสียของการทำตามแนวโน้ม

ข้อเสียของวิธีการนี้คือ จะต้องดูว่าระดับรองรับมีความแข็งแกร่งหรือไม่ หากเป็นระดับรองรับที่อ่อน ราคาอาจจะอยู่ที่ระดับรองรับเป็นเวลานานเพื่อสะสมแรงกดดัน หรือไม่ก็มีความเป็นไปได้ที่จะทะลุระดับรองรับไป ทำให้จุดหยุดขาดทุนเสียหาย ในกรณีนี้ นักเทรดอาจจะถูกทำให้สับสนเกี่ยวกับแนวโน้มในอนาคต

การปรับปรุงกลยุทธ์

วิธีการปรับปรุงคือการตรวจสอบหลายช่วงเวลาในเวลาเดียวกัน โดยเมื่อสัญญาณที่ระดับเวลาต่ำที่สุดและสูงที่สุดเกิดขึ้นในทิศทางเดียวกัน ให้เข้าเทรด ยกตัวอย่างเมื่อระดับเวลาสี่ชั่วโมงมีทิศทางขึ้น และเกิดการปรับตัวลดลง ก็ให้ตรวจสอบระดับเวลาหนึ่งชั่วโมงและระดับเวลา 15 นาที เมื่อราคาตกลงที่ระดับรองรับในระดับเวลาหนึ่งชั่วโมงและยืนอยู่ได้แล้ว หากระดับเวลา 15 นาทีเกิดการทะลุผ่านมา นั่นคือสัญญาณซื้อ เปิดสถานะซื้อ นี่คือลักษณะการทำตามแนวโน้มขาขึ้น ข้ามแนวโน้มขาลง และทำตามแนวโน้มขาขึ้นในระดับที่เล็กกว่า

การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน

วิธีแก้ไขที่ตรงที่สุดคือการศึกษาปัจจัยพื้นฐาน แนวโน้มในระยะยาวจะต้องมีปัจจัยพื้นฐานที่สนับสนุน โดยการศึกษาข่าวสารพื้นฐาน เพื่อวิเคราะห์ว่าตลาดจะเปลี่ยนทิศทางหรือไม่ และแนวโน้มจะเคลื่อนตัวไปไกลแค่ไหน

การวิเคราะห์เทคนิค

ถึงแม้ว่าปัจจัยพื้นฐานจะสำคัญ แต่ในการวิเคราะห์ความเคลื่อนไหวของตลาดก็ไม่ควรมองข้ามการวิเคราะห์ทางเทคนิค ที่สามารถช่วยในการตัดสินใจได้ แต่ก็ควรใช้ร่วมกันกับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานเพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นในการตัดสินใจซื้อขาย ทำให้สามารถเข้าใจการเคลื่อนไหวของตลาดได้ดีขึ้นและทำกำไรได้มากขึ้น