ปัจจัยพื้นฐาน

ช่วงนี้มีข้อมูลเศรษฐกิจที่ออกมาไม่มาก ความคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะชะลอการลดดอกเบี้ยเริ่มถูกตลาดปรับตัวรับรู้ หลังจากประธาน Fed เจอโรม พาวเวลล์ กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ว่า Fed ไม่เร่งรีบในการลดดอกเบี้ย ทำให้แรงกดดันต่อราคาทองคำลดลง นอกจากนี้ การซื้อที่ระดับต่ำยังค่อนข้างแข็งแกร่ง

นักวิเคราะห์ตลาดการเงินจาก Capital นายไคล์ ร็อดด้า กล่าวว่า “การเคลื่อนไหวของตลาดล่าสุดส่วนใหญ่มาจากปัจจัยทางเทคนิคที่เกิดจากการซื้อมากเกินไปของดอลลาร์” โดยราคาทองคำจะสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงในความคาดหวังสำหรับการประชุมเดือนธันวาคม และความคิดเห็นจากเจ้าหน้าที่ Fed จะมีผลต่อราคาทองคำ

สถานการณ์ด้านภูมิรัฐศาสตร์

ความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ระหว่างรัสเซียและยูเครนยังคงส่งผลกระทบต่อตลาด โดยมีรายงานว่าสหรัฐฯ อนุญาตให้อาวุธระยะไกลของยูเครนโจมตีพื้นที่ในรัสเซียได้ ในขณะที่รัสเซียเองได้โจมตีโครงสร้างพื้นฐานพลังงานในยูเครนอย่างรุนแรง ความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นนี้ทำให้แรงซื้อเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงยังคงมีอยู่

การวิเคราะห์ทางเทคนิค

ระดับรายวัน

ราคาทองคำยังคงเผชิญกับแรงต้านที่ระดับ 2,627 ดอลลาร์ และแนวต้านเส้นค่าเฉลี่ย 55 วัน ที่ 2,642.26 ดอลลาร์ หากไม่สามารถทะลุผ่านระดับดังกล่าวได้ ราคาทองคำอาจกลับไปสู่แนวโน้มขาลง ในทางกลับกัน หากสามารถทะลุแนวต้านนี้ได้ อาจมีโอกาสปรับตัวขึ้นไปที่แนวต้านเส้นค่าเฉลี่ย 21 วัน ที่ 2,686.12 ดอลลาร์

แนวรับอยู่ที่ระดับ 2,600 ดอลลาร์ และเส้นค่าเฉลี่ย 5 วันที่ระดับ 2,586.37 ดอลลาร์

ระดับ 4 ชั่วโมง

กราฟ 4 ชั่วโมงแสดงถึงการฟื้นตัวหลังจากขาลง ด้วย MACD และ KDJ อยู่ในสถานะ Golden Cross ราคาทองคำทะลุเส้นแนวโน้มขาลงระยะสั้น และ MACD เริ่มทะลุผ่านเส้นศูนย์ ราคามีโอกาสวิ่งไปตามกรอบเส้น Bollinger Band

แนวต้านสำคัญอยู่ที่ระดับ 2,633.27 ดอลลาร์ หากผ่านไปได้ ราคาจะมีโอกาสไปที่ระดับ 2,663.10 ดอลลาร์ แนวต้านสำคัญเพิ่มเติมอยู่ที่ 2,643.32 และ 2,652.35 ดอลลาร์