เมื่อวันอังคารที่ 8 ตุลาคม เจ้าหน้าที่หลายคนของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Federal Reserve) ได้ออกมากล่าวคำพูดก่อนเหตุการณ์สำคัญที่จะประกาศ เช่น รายงานการประชุมของเฟดและข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) โดยมีเจ้าหน้าที่ที่สำคัญเช่น จอห์น วิลเลียมส์ ประธานธนาคารกลางนิวยอร์ก, ฟิลิป เจฟเฟอร์สัน สมาชิกคณะกรรมการเฟด, ซูซาน คอลลินส์ ประธานธนาคารกลางบอสตัน, ราฟาเอล บอสติก ประธานธนาคารกลางแอตแลนต้า และอาเดรียนา คูเกลอร์ สมาชิกคณะกรรมการเฟด

ซูซาน คอลลินส์ ประธานธนาคารกลางบอสตันกล่าวในการบรรยายเมื่อเร็วๆ นี้ว่า เจ้าหน้าที่ของเธอเห็นพ้องกันว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีนี้ แต่ละครั้งอยู่ที่ 25 เบซิสพอยต์ (0.25%) เมื่อแนวโน้มเงินเฟ้อลดลง เฟดมีแนวโน้มที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยต่อไป

**วิลเลียมส์ ประธานธนาคารกลางนิวยอร์ก**  

วิลเลียมส์กล่าวว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีพื้นฐานที่แข็งแกร่งสำหรับการ “ลงจอดแบบนุ่มนวล” และเขาสนับสนุนให้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยคาดว่าเฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยเพียง 25 เบซิสพอยต์ในเดือนพฤศจิกายนนี้

**คอลลินส์: อัตราเงินเฟ้อจะกลับมาอยู่ที่ 2% ในปี 2025**  

คอลลินส์กล่าวเมื่อวันอังคารว่า แนวโน้มเงินเฟ้อที่ลดลงทำให้เฟดมีโอกาสในการลดอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง นโยบายควรใช้แนวทางที่ระมัดระวังและพึ่งพาข้อมูลเพื่อคงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ต่อไป

เธอกล่าวว่าเธอมั่นใจมากขึ้นว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะสามารถฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่มีผลกระทบต่อการจ้างงาน

**บอสติก: เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงแข็งแกร่ง แต่อัตราเงินเฟ้อยังสูง**  

บอสติกประธานธนาคารกลางแอตแลนต้ากล่าวว่าเฟดต้องพิจารณาความเสี่ยงที่หลากหลายและแข่งขันกันเมื่อพิจารณาการลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคต โดยถึงแม้ความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อจะลดลง แต่ความเสี่ยงต่อแรงงานกลับเพิ่มขึ้น

**เจฟเฟอร์สัน: ไม่มีการเปลี่ยนนโยบายทางการเงินของเฟด**  

เจฟเฟอร์สันกล่าวว่า ความเสี่ยงด้านการจ้างงานและเงินเฟ้อได้สมดุลกันมากขึ้น เฟดจะยังคงพยายามรักษาการจ้างงานสูงสุดพร้อมกับลดอัตราเงินเฟ้อลงสู่เป้าหมายที่ 2%

**คูเกลอร์: หากเงินเฟ้อลดลงอย่างต่อเนื่อง สนับสนุนการลดอัตราดอกเบี้ย**  

คูเกลอร์กล่าวว่าเธอสนับสนุนให้เฟดลดอัตราดอกเบี้ยหากเงินเฟ้อลดลงตามที่คาดไว้ ซึ่งจะช่วยให้การจ้างงานและเศรษฐกิจขยายตัวต่อไป