คาดการณ์ของโกลด์แมน แซคส์

โกลด์แมน แซคส์คาดการณ์ว่าผลตอบแทนดัชนี S&P 500 ในทศวรรษหน้าจะอ่อนตัวลง โดยอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีจะอยู่ที่เพียง 3% น้อยกว่าค่าเฉลี่ย 13% ที่เคยเป็นในทศวรรษที่ผ่านมา หุ้นสหรัฐฯ กำลังจะเข้าสู่ “ทศวรรษที่หายไป”!' style='' class='right-float-img'>

กลยุทธ์ของโกลด์แมน แซคส์มาจากหลายปัจจัย เช่น เศรษฐกิจที่อ่อนตัว ความเข้มข้นของตลาดที่สูงขึ้น และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่เพิ่มขึ้น

การวิเคราะห์จากโกลด์แมน แซคส์

โกลด์แมน แซคส์ใช้กราฟสี่ภาพในการสนับสนุนความเชื่อว่าดัชนี S&P 500 กำลังถึงจุดสิ้นสุดของยุคที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยอธิบายว่ามีเพียงไม่กี่บริษัทในดัชนีที่ยังคงรักษาการเติบโตของยอดขายได้

จากการวิเคราะห์ของบริษัทพบว่ามีเพียง 11% ของบริษัทที่สามารถรักษาอัตราการเติบโตของยอดขายที่ 10% ขึ้นไปในช่วงสิบปี และมีเพียง 3% ที่มียอดขายเติบโตถึง 20% ขึ้นไป

ความเข้มข้นของตลาดสูงสุดในรอบ 100 ปี

โกลด์แมน แซคส์ระบุว่าหุ้นใหญ่ในดัชนี S&P 500 มีมูลค่าตลาดที่สูงกว่าหุ้นที่อยู่ในระดับ 75 เปอร์เซ็นต์ไทล์ถึง 700 เท่า ซึ่งเป็นความเข้มข้นที่สูงที่สุดในรอบ 100 ปี

การกระจุกตัวที่สูงนี้อาจส่งผลให้ดัชนีมีผลตอบแทนลดลงในทศวรรษหน้า นอกเสียจากในช่วงภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจ

ดัชนี S&P 500 มีผลตอบแทนต่ำกว่า

โกลด์แมน แซคส์ยังชี้ว่า ดัชนี S&P 500 มีผลตอบแทนต่ำกว่าดัชนีอื่นๆ เช่น Russell 1000, Bitcoin และทองคำ นอกจากนี้ ยังต่ำกว่าดัชนี S&P 500 แบบเท่ากันทุกบริษัท (SPW) และดัชนี S&P 400 ของหุ้นขนาดกลาง

นักกลยุทธ์ของโกลด์แมน แนะนำให้นักลงทุนพิจารณาดัชนีอื่นๆ เช่น SPW และ S&P 400 ที่มีโอกาสให้ผลตอบแทนที่แข็งแกร่งในอนาคต

ผลประกอบการของบริษัทในดัชนี S&P 500

ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้นประมาณ 23% นับตั้งแต่ต้นปี และในไตรมาสปัจจุบัน 75% ของบริษัทที่ประกาศผลประกอบการแล้วสามารถทำกำไรได้ดีกว่าที่คาด

คาดการณ์ผลตอบแทนในระยะสั้น

โกลด์แมน แซคส์มองว่าดัชนี S&P 500 มีโอกาสเติบโตในระยะสั้น โดยคาดว่ากำไรต่อหุ้นจะเพิ่มขึ้น 8% ภายในสิ้นปี 2024 และอีก 11% ในปีถัดไป

พวกเขายังคาดการณ์ว่าดัชนีจะสูงถึง 6,300 จุดในอีก 12 เดือนข้างหน้า ซึ่งจะเป็นการเพิ่มขึ้น 8% จากระดับปัจจุบัน