ราคาทองคำร่วงหนักหลังจากทำสถิติใหม่

ราคาทองคำร่วงลงอย่างหนักเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา หลังจากทำสถิติสูงสุดใหม่ นักลงทุนบางส่วนเริ่มขายเพื่อทำกำไรและข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่งยังสร้างแรงกดดันต่อราคาทองคำ

ราคาปิดตลาด

ทองคำแท่งปิดตลาดเมื่อวันพฤหัสบดีโดยร่วงลง 43.50 ดอลลาร์ หรือประมาณ 1.56% โดยอยู่ที่ 2,743.63 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเป็นการลดลงครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม

เหตุผลในการร่วงลง

David Meger ผู้อำนวยการฝ่ายการค้าของ High Ridge Futures กล่าวว่า “ทองคำมีแนวโน้มที่จะมีการปรับฐานมากขึ้นเนื่องจากข่าวสำคัญในสัปดาห์หน้า ทั้งการเลือกตั้งสหรัฐฯ ในวันอังคาร และการประชุมของเฟดในวันพุธ ทำให้บางคนเลือกที่จะขายเพื่อทำกำไรล่วงหน้า”

สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า ตัวเลขทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งในสหรัฐฯ ลดความคาดหวังต่อการผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติม ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่กดดันราคาทองคำ

อัตราเงินเฟ้อและตลาดแรงงาน

รายงานของ FXStreet ระบุว่า ดัชนีราคาค่าใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ซึ่งเป็นตัวชี้วัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ รวมถึงรายงานการจ้างงานที่แข็งแกร่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ราคาทองคำอยู่ภายใต้แรงกดดัน

สำนักงานวิเคราะห์เศรษฐกิจของสหรัฐฯ รายงานว่า ดัชนี PCE ที่เพิ่มขึ้น 2.7% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 2.6% และสถิติตลาดแรงงานที่ยังคงฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง

สถานการณ์ในตะวันออกกลาง

นาย Anthony Blinken รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ รายงานความคืบหน้าในการหยุดยิงในเลบานอน ซึ่งส่งผลให้ความต้องการในทองคำลดลง เนื่องจากนักลงทุนมองหาที่หลบภัยทางการเงินน้อยลง

การคาดการณ์จากนักวิเคราะห์

นักวิเคราะห์ของ FXStreet ระบุว่าทองคำยังคงมีแนวโน้มขาขึ้น หากราคาสามารถยืนเหนือ 2,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ การทะลุระดับ 2,750 ดอลลาร์ อาจเป็นสัญญาณให้ราคามุ่งไปสู่ระดับสูงสุดที่ 2,790 ดอลลาร์ และอาจทดสอบที่ 2,800 ดอลลาร์ ต่อออนซ์

หากราคาทองคำร่วงต่ำกว่า 2,700 ดอลลาร์ ก็อาจเป็นสัญญาณการปรับตัวลงอย่างรุนแรง โดยมีแนวรับสำคัญที่ 2,685 ดอลลาร์ และค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ที่ 2,603 ดอลลาร์ ต่อออนซ์

ติดตามรายงานการจ้างงาน

นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่ารายงานการจ้างงานนอกภาคการเกษตรที่กำลังจะออกในสัปดาห์นี้อาจเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญว่าเฟดจะตัดสินใจดำเนินนโยบายอย่างไรในช่วงสัปดาห์หน้า ทั้งนี้ รายงานดังกล่าวอาจได้รับผลกระทบจากพายุเฮอริเคนและการประท้วงของบริษัท Boeing ซึ่งคาดการณ์ว่าจำนวนการจ้างงานจะอยู่ที่ประมาณ 100,000 ตำแหน่งเท่านั้น