ดัชนีตลาดหุ้นสร้างสถิติใหม่

ในวันพุธ ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากหลังจากการประกาศชัยชนะของโดนัลด์ ทรัมป์ ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2024 โดยดัชนีสำคัญทั้งสามสร้างสถิติใหม่ นักวิเคราะห์จากวอลล์สตรีทยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นสหรัฐ โดยคาดการณ์ว่า S&P 500 อาจพุ่งขึ้นแตะระดับ 6600 จุดในอนาคต

การคาดการณ์ของ Goldman Sachs

Goldman Sachs ยังคงเป้าหมายดัชนี S&P 500 ที่ 6300 จุดภายใน 12 เดือนข้างหน้า โดยเชื่อว่าการเติบโตของกำไรที่แข็งแกร่งจะสนับสนุนการปรับตัวขึ้นของตลาดจนถึงปี 2025

David Kostin นักกลยุทธ์หุ้นสหรัฐของ Goldman Sachs กล่าวว่า ความไม่แน่นอนทางการเมืองที่ลดลงหลังการเลือกตั้งจะช่วยสร้างแรงหนุนให้กับตลาด พร้อมทั้งระบุปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนควรติดตาม ได้แก่ (1) ทิศทางดัชนี S&P 500 หลังการเลือกตั้ง (2) สัดส่วนการลงทุนในหุ้นของนักลงทุน (3) การเปลี่ยนแปลงในภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับการค้าและภาษี (4) โอกาสในการควบรวมกิจการและการเปิดตัวหุ้นใหม่

ความเห็นจาก Ameriprise และ Carson Group

Anthony Saglimbene จาก Ameriprise มองว่าปัจจัยพื้นฐานของบริษัทมีความแข็งแกร่ง และกำไรคาดว่าจะเติบโตในไตรมาสต่อๆ ไป โดยระบุว่า “ดอกเบี้ยต่ำช่วยสนับสนุนการลงทุนและการบริโภคในสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีมูลค่าสูง เช่น บ้านและรถยนต์”

Ryan Detrick จาก Carson Group เสริมว่า “ตลาดหุ้นสหรัฐจะกลับเข้าสู่ช่วงตลาดกระทิงตามปกติ หลังจากความไม่แน่นอนจากการเลือกตั้งได้ถูกขจัดออกไป”

การสนับสนุนจากนโยบายและการลดกฎระเบียบ

Evercore ISI คาดการณ์ว่า S&P 500 อาจแตะ 6600 จุดภายในกลางปี 2025 โดยมองว่าชัยชนะของทรัมป์และพรรครีพับลิกัน รวมถึงการผ่อนคลายกฎระเบียบ จะสนับสนุนตลาด

Jacob Manoukian จาก JPMorgan ชี้ว่าหุ้นขนาดเล็กและธนาคารระดับภูมิภาคได้รับแรงหนุนจากนโยบายสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจและการลดกฎระเบียบ

แนวโน้มตลาดและดอลลาร์

ทีมวิจัยจาก Barclays ระบุว่าดอลลาร์ยังคงมีโอกาสแข็งค่าต่อไป และตลาดหุ้นสหรัฐอาจมีการปรับตัวขึ้นในช่วงปลายปี ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปอาจตามหลัง เนื่องจากได้รับผลกระทบจากความเสี่ยงทางการค้า

บทสรุปจาก DataTrek Research

DataTrek Research ระบุว่าตลาดหุ้นสหรัฐยังคงแสดงความยืดหยุ่นและความสามารถในการเติบโตที่เหนือกว่าตลาดหุ้นโลก โดยชี้ว่า “เงินทุนจะเคลื่อนย้ายไปยังที่ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งเป็นเหตุผลที่ดอลลาร์ยังคงเป็นสกุลเงินสำรองหลักของโลก”