ราคาทองคำหลังการประชุมเฟด

ราคาทองคำปรับตัวขึ้นกว่า 1% ในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา โดยแตะระดับสูงสุดที่ 2,710.10 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และปิดที่ 2,706.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์ การปรับตัวขึ้นนี้ได้รับแรงหนุนจากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงและผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่ลดลง

ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 25 จุดสู่ช่วง 4.50%-4.75% หลังสิ้นสุดการประชุมสองวัน โดยเฟดระบุถึง "การชะลอตัวในตลาดแรงงาน"

ถ้อยแถลงจากประธานเฟด

นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด กล่าวว่าการปรับเปลี่ยนนโยบายนี้จะช่วยรักษาความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจและตลาดแรงงาน และเสริมสร้างความก้าวหน้าในด้านการลดอัตราเงินเฟ้อ

พาวเวลล์ยังเน้นย้ำถึงความจำเป็นของการดำเนินนโยบายอย่างระมัดระวังเพื่อหาจุดสมดุลระหว่างความเสี่ยงจากการดำเนินนโยบายที่เร็วเกินไปและความเสี่ยงจากการดำเนินนโยบายที่ช้าเกินไป

การตอบสนองของตลาดและอัตราดอกเบี้ย

ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง โดยดัชนีดอลลาร์ลดลง 0.6% ปิดที่ 104.33 จุด หลังแตะระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือนที่ 105.45 จุดก่อนหน้านี้ การปรับตัวลงนี้สอดคล้องกับข้อมูลการจ้างงานที่ไม่แข็งแกร่งในสหรัฐ

ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีลดลง 10.8 จุด ปิดที่ 4.318% การลดลงของอัตราผลตอบแทนทำให้ต้นทุนการถือครองทองคำลดลงและเพิ่มความน่าสนใจของสินทรัพย์นี้

สถานการณ์ตลาดโลก

นอกเหนือจากการประชุมเฟดแล้ว ธนาคารกลางอังกฤษและสวีเดนยังปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยธนาคารกลางอังกฤษปรับลดอัตราดอกเบี้ย 25 จุดมาอยู่ที่ 4.75% ในขณะที่ธนาคารกลางสวีเดนปรับลดอัตราดอกเบี้ย 50 จุดมาอยู่ที่ 2.75%

สถานการณ์ในตะวันออกกลาง เช่น การโจมตีของกองทัพอิสราเอลต่อกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน ยังคงสร้างความตึงเครียดและสนับสนุนราคาทองคำ

แนวโน้มในอนาคต

นักวิเคราะห์จาก LSEG คาดการณ์ว่า เฟดมีโอกาสสูงที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 25 จุดในเดือนธันวาคม โดยโอกาสของการปรับลดดอกเบี้ยอยู่ที่ 72.9% เพิ่มขึ้นจาก 67% ในวันก่อนหน้า

ความตึงเครียดทางการเมืองและการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินทั่วโลกยังคงเป็นปัจจัยที่นักลงทุนจับตาเพื่อประเมินแนวโน้มของตลาดทองคำ