ในสัปดาห์นี้ ตลาดทองคำเผชิญกับแรงกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์ ส่งผลให้ราคาทองคำลดลง 1.8% ซึ่งเป็นการลดลงรายสัปดาห์ที่มากที่สุดในรอบกว่า 5 เดือน การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) และความไม่แน่นอนในนโยบายของรัฐบาลใหม่ในสหรัฐฯ มีส่วนสำคัญในการเปลี่ยนแปลงของตลาด

สรุปการเคลื่อนไหวของราคาทองคำ

ราคาทองคำสปอตปิดที่ 2,684.03 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ลดลง 0.81% ในวันศุกร์ ขณะที่ทองคำล่วงหน้าปิดที่ 2,694.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ลดลง 0.4% ในสัปดาห์นี้ ดัชนีดอลลาร์ปรับตัวขึ้น 0.6% ส่งผลให้ราคาทองคำถูกกดดันเนื่องจากต้นทุนการถือครองทองคำเพิ่มขึ้นสำหรับนักลงทุนที่ถือสกุลเงินอื่น

เหตุการณ์สำคัญและข้อมูลตลาด

การเลือกตั้งในสหรัฐฯ ที่ผลสรุปออกมาทำให้ตลาดเกิดความไม่แน่นอนต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและนโยบายในอนาคต แม้ว่าธนาคารกลางสหรัฐจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 25 จุดฐาน แต่ความระมัดระวังในแนวทางนโยบายในอนาคตทำให้ทองคำมีแนวโน้มถูกกดดัน

ประธาน Fed นายเจอโรม พาวเวลล์ เน้นย้ำว่าผลการเลือกตั้งจะไม่ส่งผลกระทบต่อนโยบายในระยะสั้น และ Fed จะยังคงรักษาความยืดหยุ่นในการกำหนดนโยบาย

การเคลื่อนไหวของโลหะมีค่าอื่นๆ

ไม่เพียงแต่ทองคำที่เผชิญการลดลง แต่โลหะมีค่าอื่นๆ เช่น เงิน แพลทินัม และพาลาเดียม ก็ลดลงอย่างมากเช่นกัน เงินลดลง 2.314% ปิดที่ 31.272 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แพลทินัมลดลง 1.7% ปิดที่ 968.59 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และพาลาเดียมลดลง 3.81% ปิดที่ 988.93 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ความคิดเห็นจากนักวิเคราะห์

นักวิเคราะห์จาก Allegiance Gold นาย Alex Ebkarian ระบุว่าความไม่แน่นอนทางการเมืองและเศรษฐกิจส่งผลให้นักลงทุนเคลื่อนย้ายเงินทุนไปยังสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น ส่งผลให้ราคาทองคำเผชิญแรงกดดันในระยะสั้น

ด้านนักกลยุทธ์จาก Bank of America นาย Athanasios Vamvakidis ชี้ว่าการแข็งค่าของดอลลาร์จะยังคงกดดันราคาทองคำในช่วงต่อไป โดยเฉพาะเมื่อความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยลดลง

แนวโน้มในอนาคต

การเคลื่อนไหวของราคาทองคำในอนาคตอาจขึ้นอยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ เช่น ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่จะประกาศในสัปดาห์หน้า ซึ่งจะมีบทบาทสำคัญในการกำหนดแนวโน้มของนโยบายการเงินและตลาดทองคำ นักลงทุนควรติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่อจับโอกาสและป้องกันความเสี่ยง