ข่าว 24K99 รายงานว่า ราคาทองคำในวันอังคารเคลื่อนไหวอยู่ต่ำกว่าระดับสูงสุดในประวัติศาสตร์ เนื่องจากประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณลดความเป็นไปได้ในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ นักลงทุนยังคงรอคอยข้อมูลจากตลาดแรงงานในสัปดาห์นี้เพื่อนำมาใช้เป็นแนวทางในการลงทุน

จนถึงขณะที่รายงาน ราคาทองคำสปอตปรับขึ้น 0.3% มาอยู่ที่ 2,645 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งยังต่ำกว่าระดับสูงสุดในประวัติศาสตร์ที่ทำไว้เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 2,685.42 ดอลลาร์

เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ประธานเฟด นายเจอโรม พาวเวลล์ กล่าวว่าธนาคารกลางอาจยังคงดำเนินการลดอัตราดอกเบี้ยครั้งละ 25 จุด โดยยังไม่รีบร้อนในการลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมเนื่องจากข้อมูลใหม่ที่ชี้ให้เห็นถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจและการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ดีขึ้น

พาวเวลล์ยังระบุอีกว่า เฟดไม่มีเส้นทางที่กำหนดไว้สำหรับนโยบายการเงิน และจะยังคงใช้ข้อมูลเป็นแนวทางในการตัดสินใจระหว่างการควบคุมอัตราเงินเฟ้อและการสนับสนุนตลาดแรงงาน หากเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวเกินคาด เฟดอาจลดอัตราดอกเบี้ยได้เร็วขึ้น แต่หากการชะลอตัวของเศรษฐกิจเป็นไปในทิศทางที่ดีกว่าคาด เฟดก็สามารถชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้เช่นกัน

การประชุมนโยบายการเงินครั้งถัดไปของเฟดจะมีขึ้นในวันที่ 6-7 พฤศจิกายน โดยข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์ชิคาโก (CME) ชี้ให้เห็นว่าโอกาสที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 25 จุดในเดือนพฤศจิกายนอยู่ที่มากกว่า 60%

นาย Yeap Jun Rong นักกลยุทธ์ตลาดของ IG กล่าวว่าความอ่อนไหวต่อตัวเลขข้อมูลทางเศรษฐกิจอาจส่งผลต่อคาดการณ์เกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย โดยหากข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐที่กำลังจะเปิดเผยในสัปดาห์นี้ออกมาต่ำกว่าคาด อาจส่งผลให้มีความคาดหวังต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่รุนแรงขึ้น ซึ่งจะช่วยหนุนราคาทองคำ

ข้อมูลที่นักลงทุนติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ข้อมูลการจ้างงาน ADP ของสหรัฐและตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร นอกจากนี้ยังมีการปราศรัยของเจ้าหน้าที่เฟดหลายรายและข้อมูลการเปิดรับสมัครงานของสหรัฐที่จะเปิดเผยในวันเดียวกัน

ตามเครื่องมือ CME FedWatch ตลาดคาดการณ์ว่าโอกาสในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 25 จุดในเดือนพฤศจิกายนเพิ่มขึ้นเป็น 63% จาก 47% เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

ขณะเดียวกันในช่วงเช้าวันอังคาร กองทัพอิสราเอลได้เริ่มการรุกคืบเข้าพื้นที่ของเลบานอน โดยเริ่มการโจมตีเป้าหมายของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์บริเวณชายแดน

อัตราดอกเบี้ยที่ลดลงช่วยลดต้นทุนการถือครองทองคำ ซึ่งทองคำยังคงเป็นสินทรัพย์ที่นักลงทุนมองว่าเป็นแหล่งพักเงินในช่วงเวลาที่เกิดความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเมือง นับตั้งแต่เฟดเริ่มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายน ทองคำได้ทำสถิติเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดตั้งแต่ปี 2020

ธนาคารหลักหลายแห่งคาดการณ์ว่าราคาทองคำจะยังคงปรับขึ้นอย่างต่อเนื่องจนถึงปี 2025 โดยได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของกองทุน ETF และการคาดการณ์ว่าธนาคารกลาง รวมถึงเฟด จะลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก

ในปีนี้ ราคาทองคำได้เพิ่มขึ้นแล้วเกือบ 577 ดอลลาร์ หรือมากกว่า 28% ซึ่งจะเป็นการเพิ่มขึ้นประจำปีที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2010 และทำให้ทองคำกลายเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่มีผลงานโดดเด่นที่สุดในปี 2024 โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาทองคำได้ทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 2,685.42 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และได้ทำลายสถิติหลายครั้งในปีนี้

นักวิเคราะห์จาก JPMorgan ระบุในรายงานวันที่ 23 กันยายนว่า "ในช่วงสองปีที่ผ่านมา ความต้องการทองคำจริงจากจีนและธนาคารกลางช่วยหนุนราคาทองคำ แต่การเคลื่อนย้ายของนักลงทุน โดยเฉพาะการเติบโตของ ETF ที่เน้นการลงทุนรายย่อย ยังคงเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้ราคาทองคำปรับขึ้นต่อเนื่องในรอบการลดอัตราดอกเบี้ยครั้งถัดไปของเฟด"

นักวิเคราะห์ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 5 พฤศจิกายน อาจส่งผลให้ราคาทองคำพุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง เนื่องจากความผันผวนของตลาดที่อาจเกิดขึ้น ทำให้นักลงทุนหันไปหาทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย