ราคาน้ำมันดิบในตลาดเมื่อวันอังคารปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 5% หลังจากที่อิหร่านได้ยิงขีปนาวุธหลายลูกเข้าใส่อิสราเอล เพื่อตอบโต้การโจมตีของอิสราเอลต่อพันธมิตรฮิซบอลเลาะห์ของอิหร่านในเลบานอน อิสราเอลได้ประกาศจะตอบโต้การยิงขีปนาวุธของอิหร่านอย่างรุนแรง ความตึงเครียดในตะวันออกกลางอาจนำไปสู่สงครามขนาดใหญ่ ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก

ในเช้าวันพุธที่ 2 ตุลาคม ตามเวลาตลาดเอเชีย ราคาน้ำมันดิบมีความผันผวนในกรอบแคบ โดยน้ำมันดิบสหรัฐซื้อขายอยู่ที่ประมาณ 70.91 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ยังคงรักษาระดับที่เพิ่มขึ้นจากคืนก่อนหน้า ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นมากกว่า 5% ในระหว่างวันจากเหตุการณ์ความขัดแย้งที่รุนแรงขึ้นระหว่างอิหร่านและอิสราเอล

ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปิดที่ 74.37 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 3.55% ขณะที่น้ำมันดิบสหรัฐปิดที่ 70.76 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 3.62% โดยในช่วงเช้าวันนั้น ทั้งสองตลาดน้ำมันดิบต่างปรับตัวขึ้นมากกว่า 5% ในระหว่างวัน

เมื่อคืนวันที่ 1 ตุลาคม อิหร่านได้ยิงขีปนาวุธหลายลูกเข้าใส่อิสราเอล เพื่อตอบโต้การโจมตีของอิสราเอลต่อฮิซบอลเลาะห์ อิหร่านระบุว่าจะทำลายเป้าหมายสำคัญในอิสราเอล หากมีการตอบโต้จากฝั่งอิสราเอลอีก

นายพลซาลามี ผู้บัญชาการกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามของอิหร่าน กล่าวว่าทางการอิหร่านได้ยิงขีปนาวุธ 200 ลูกไปยังอิสราเอลเมื่อค่ำวันที่ 1 ตุลาคม

กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามของอิหร่านได้ออกแถลงการณ์ว่าการโจมตีครั้งนี้เป็นการตอบโต้ที่ชอบธรรมต่อการลอบสังหารนายฮานิยาห์ ผู้นำฮามาส และผู้บัญชาการระดับสูงของฮิซบอลเลาะห์ รวมถึงผู้นำทางทหารของอิหร่านที่ถูกสังหารโดยอิสราเอล อิหร่านยังเตือนว่า หากอิสราเอลทำการตอบโต้ อิสราเอลจะต้องเผชิญกับการโจมตีที่รุนแรงและทำลายล้าง

กองทัพอิสราเอลออกมาแถลงว่าสามารถสกัดขีปนาวุธส่วนใหญ่ที่ยิงมาจากอิหร่านได้ แต่สถานการณ์ยังคงสร้างแรงกดดันในตลาดโลก

นายแดเนียล ฮาการี โฆษกกองทัพอิสราเอล และนายแดนนี่ ดานอน เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำสหประชาชาติ กล่าวว่าการโจมตีครั้งนี้จะนำไปสู่ผลกระทบใหญ่หลวง

ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ เจค ซัลลิแวน ระบุว่าการโจมตีครั้งนี้ไม่ประสบความสำเร็จ และสหรัฐฯ ยังคงติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกันการคุกคามจากอิหร่านและกลุ่มผู้สนับสนุน

นายเดนนิส คิสเลอร์ รองประธานอาวุโสฝ่ายการค้าของ BOK Financial Securities กล่าวว่า "แม้ว่าอารมณ์ความตื่นตระหนกในตลาดจะลดลงในระยะสั้น แต่สถานการณ์การซื้อขายที่ตึงเครียดอาจดำเนินต่อไปอีกหลายวันจนกว่าจะได้รับข้อมูลเพิ่มเติม"

นายเคลย์ ไซเกิล นักกลยุทธ์ความเสี่ยงทางการเมืองอิสระ กล่าวว่า อิสราเอล "จะไม่ลังเลที่จะขยายการโจมตีทางทหารไปยังอิหร่านโดยตรง และสินทรัพย์น้ำมันของอิหร่านน่าจะเป็นเป้าหมายหลัก"

เขากล่าวเพิ่มเติมว่าการโจมตีแหล่งผลิตหรือส่งออกน้ำมันของอิหร่านอาจทำให้เกิดความเสียหายร้ายแรง และอาจทำให้การจัดหาน้ำมันลดลงมากกว่า 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน

ก่อนที่ข่าวการโจมตีด้วยขีปนาวุธของอิหร่านจะแพร่สะพัด ราคาน้ำมันซื้อขายใกล้ระดับต่ำสุดในรอบสองสัปดาห์ เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการเพิ่มขึ้นของอุปทานและความต้องการที่ลดลงทั่วโลกได้บดบังความกังวลเรื่องการส่งออกน้ำมันในตะวันออกกลาง

หลังจากที่ข่าวการโจมตีแพร่สะพัด ราคาน้ำมันก็พลิกกลับมาเป็นขาขึ้น โดยราคาน้ำมันดิบสหรัฐปรับตัวสูงสุดที่ 71.94 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และผันผวนมากถึง 5.01 ดอลลาร์ในระหว่างวัน

ธนาคาร ANZ ระบุว่า "การมีส่วนร่วมโดยตรงของอิหร่าน ซึ่งเป็นสมาชิก OPEC ทำให้มีโอกาสสูงขึ้นที่การจัดหาน้ำมันจะหยุดชะงัก"

ธนาคาร ANZ ยังเสริมอีกว่า ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา อิหร่านผลิตน้ำมันได้ 3.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบหกปี

แหล่งข่าวภายใน OPEC+ ระบุว่า คณะกรรมการติดตามร่วมระดับรัฐมนตรีของ OPEC+ (JMMC) ในสัปดาห์นี้น่าจะไม่แนะนำให้มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายในปัจจุบัน แม้ว่าราคาน้ำมันจะลดลงอย่างมากก็ตาม OPEC+ กำลังดำเนินการลดการผลิต และคาดว่าจะเริ่มยกเลิกการลดการผลิตบางส่วนในเดือนธันวาคม

แหล่งข่าวจากตลาดระบุเมื่อวันอังคารว่า สต็อกน้ำมันดิบและน้ำมันกลั่นของสหรัฐลดลง ขณะที่สต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น

ข้อมูลจากสถาบันปิโตรเลียมอเมริกัน (API) ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 1.46 ล้านบาร์เรล ขณะที่สต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 437,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่นลดลง 2.67 ล้านบาร์เรล

สำนักงานข้อมูลพลังงานของสหรัฐ (EIA) จะเผยแพร่ข้อมูลสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ในวันพุธนี้

การสำรวจแสดงให้เห็นว่านักวิเคราะห์คาดว่าสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะลดลงประมาณ 1.3 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินลดลงประมาณ 100,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่นลดลงประมาณ 1.5 ล้านบาร์เรล

การสำรวจยังคาดการณ์ว่าการใช้กำลังการผลิตโรงกลั่นน้ำมันจะลดลง 0.5% จากระดับ 90.9% ของสัปดาห์ก่อนหน้า

EIA รายงานเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าสต็อกน้ำมันดิบลดลง 4.5 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 20 กันยายน เหลือ 413 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์ของรอยเตอร์คาดการณ์ไว้ว่าจะลดลง 1.4 ล้านบาร์เรล

นอกเหนือจากข้อมูล EIA นักลงทุนยังต้องจับตาดูข้อมูลการจ้างงาน ADP ของสหรัฐในเดือนกันยายน ซึ่งจะเปิดเผยในวันนี้ รวมถึงติดตามสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางอย่างใกล้ชิดและรอดูคำแถลงจากเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed)