เช้าวันจันทร์ที่ 7 ตุลาคม ราคาทองคำเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ โดยปัจจุบันซื้อขายอยู่ที่ 2,651.29 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ หลังจากราคาทองคำปรับตัวลดลงเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว โดยปิดที่ 2,652.64 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ เนื่องจากรายงานการจ้างงานของสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่งเกินคาด ทำให้ความคาดหวังที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างแรงในเดือนพฤศจิกายนถูกลดทอนลง ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบหนึ่งเดือนครึ่ง และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก สะท้อนถึงความกังวลด้านความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลางที่ลดลง

การจ้างงานในสหรัฐฯ เดือนกันยายนเร่งตัวขึ้น อัตราการว่างงานลดลงเหลือ 4.1% ซึ่งช่วยลดแรงกดดันต่อธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 50 จุดในการประชุมวันที่ 6-7 พฤศจิกายน

"ราคาทองคำปรับตัวลดลง เนื่องจากรายงานการจ้างงานที่แข็งแกร่งทำให้มีแนวโน้มว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพียง 25 จุดในเดือนพฤศจิกายน" Tai Wong ผู้ค้าโลหะอิสระในนิวยอร์กกล่าว "ข้อมูลของเดือนก่อนหน้านี้ยังได้รับการปรับปรุงขึ้น และอัตราการว่างงานลดลง แม้ว่าการเข้าร่วมตลาดแรงงานจะคงที่"

หลังจากการประกาศข้อมูล ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 สัปดาห์ ทำให้การซื้อทองคำมีราคาสูงขึ้นสำหรับนักลงทุนต่างชาติ ราคาทองคำลดลงใกล้ระดับ 2,631.95 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ แม้ว่าจะมีแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยช่วยพยุงราคา แต่ท้ายที่สุด ราคาทองคำกลับมาปิดใกล้ระดับ 2,650 ดอลลาร์สหรัฐฯ ใกล้เคียงกับราคาปิดเมื่อวันศุกร์

นักลงทุนลดความคาดหวังในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 50 จุดในเดือนพฤศจิกายน จาก 28% ก่อนการประกาศข้อมูลจ้างงาน เหลือเพียง 3%

นักวิเคราะห์จาก TD Securities, Daniel Ghali กล่าวว่า "เรากำลังเข้าสู่ช่วงสุดสัปดาห์ที่เต็มไปด้วยความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งจำกัดการขายทองคำของนักลงทุน"

การจ้างงานในสหรัฐฯ เดือนกันยายนเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบหกเดือน แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐฯ

นอกจากรายงานการจ้างงานที่แข็งแกร่งแล้ว ค่าจ้างในเดือนกันยายนยังเพิ่มขึ้นในอัตราที่ดีอีกด้วย ซึ่งบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีแนวโน้มที่จะไม่ต้องการการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างมากในช่วงที่เหลือของปีนี้