8 ตุลาคม

ในวันจันทร์นี้ ตลาดพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ เผชิญกับการปรับลดลงอย่างหนัก อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี ของสหรัฐฯ ทะลุเกิน 4% ขึ้นอีกครั้ง ทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เนื่องจากรายงานการจ้างงานของสหรัฐฯ ที่เผยแพร่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาเกินความคาดหมาย ทำให้เทรดเดอร์ต้องประเมินแนวโน้มนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ใหม่อีกครั้ง

ตามข้อมูลตลาด ณ ปลายวันเวลาตลาดนิวยอร์ก อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ทุกระยะเวลาปรับตัวสูงขึ้นทั้งหมด ได้แก่:

- อัตราผลตอบแทนพันธบัตร 2 ปี เพิ่มขึ้น 8.8 จุดพื้นฐาน มาอยู่ที่ 4.006%

- อัตราผลตอบแทนพันธบัตร 3 ปี เพิ่มขึ้น 7.6 จุดพื้นฐาน มาอยู่ที่ 3.903%

- อัตราผลตอบแทนพันธบัตร 5 ปี เพิ่มขึ้น 7.4 จุดพื้นฐาน มาอยู่ที่ 3.871%

- อัตราผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปี เพิ่มขึ้น 7.1 จุดพื้นฐาน มาอยู่ที่ 4.032%

- อัตราผลตอบแทนพันธบัตร 30 ปี เพิ่มขึ้น 6.2 จุดพื้นฐาน มาอยู่ที่ 4.308%

นักวิเคราะห์กล่าวว่า การที่รายงานการจ้างงานที่แข็งแกร่งเกินคาดในวันศุกร์ที่ผ่านมา ทำให้ความคาดหวังว่า Fed จะชะลอการลดดอกเบี้ยในเดือนพฤศจิกายนลดลง อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงสองวันที่ผ่านมา และในวันจันทร์ถึงจุดสูงสุดที่ 4.033% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม อีกทั้งยังเป็นครั้งแรกตั้งแต่วันที่ 8 สิงหาคม ที่ทะลุเกิน 4% ขึ้นมาอีกครั้ง เทรดเดอร์ตลาดแทบไม่คาดหวังแล้วว่า Fed จะลดดอกเบี้ยลงอีก 50 จุดพื้นฐานในการประชุมเดือนพฤศจิกายนนี้

ตามข้อมูลจาก CME FedWatch Tool เทรดเดอร์ในตลาดฟิวเจอร์สล่าสุดคาดว่า โอกาสที่ Fed จะลดดอกเบี้ย 25 จุดพื้นฐานในการประชุมเดือนพฤศจิกายนอยู่ที่ 87% โอกาสที่จะไม่ลดดอกเบี้ยอยู่ที่ประมาณ 13% ในขณะที่โอกาสในการลดดอกเบี้ย 50 จุดพื้นฐาน "หายไปแล้ว" ซึ่งเพียงแค่สัปดาห์ที่แล้วความคาดหวังในการลดดอกเบี้ย 50 จุดพื้นฐานยังสูงถึงเกือบ 40%

แผนภาพที่จัดทำโดย Ben Emons ผู้ก่อตั้ง Fed Watch Advisors แสดงให้เห็นการเปลี่ยนแปลงของตลาดการเงินอย่าง "พลิกผัน" - ข้อมูลการจ้างงานที่แข็งแกร่งในเดือนกันยายนได้ลดโอกาสที่ Fed จะลดดอกเบี้ย 50 จุดพื้นฐานอย่างมาก (เส้นสีน้ำเงินในแผนภาพ) ในขณะเดียวกันก็ผลักดันอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี ขึ้นสูง (เส้นสีส้มในแผนภาพ)

Gennadiy Goldberg นักกลยุทธ์อัตราดอกเบี้ยของ TD Securities ในนิวยอร์กกล่าวว่า “เพียงแค่จากข้อมูลที่แข็งแกร่งนี้ ตลาดก็เปลี่ยนจากการพูดถึงการลดดอกเบี้ย 50 จุดพื้นฐานไปเป็นการที่อาจจะไม่ลดดอกเบี้ยเลยในเดือนพฤศจิกายน”

นอกจากนี้ การเคลื่อนไหวของตลาดตัวเลือกและฟิวเจอร์สในวันจันทร์ยังแสดงถึงการ "ยอมจำนน" ของฝั่งขาขึ้น โดยการขายสัญญาซื้อขายฟิวเจอร์สในอัตราดอกเบี้ยที่เชื่อมโยงกับ SOFR (Secured Overnight Financing Rate) ในขณะเดียวกันมีการวางแผนป้องกันความเสี่ยง "สายเหยี่ยว" จำนวนมาก ซึ่งคาดว่า Fed จะลดดอกเบี้ยเพียง 25 จุดพื้นฐานในปีนี้

การลดดอกเบี้ยครั้งใหญ่ในเดือนกันยายนของ Fed ถือเป็น "ความผิดพลาด"?

สิ่งที่น่าสังเกตคือ การเคลื่อนไหวในตลาดพันธบัตรในวันจันทร์นี้แตกต่างจากสถานการณ์ในไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง เมื่อสัญญาณเศรษฐกิจและการจ้างงานของสหรัฐฯ ดูอ่อนแอ

เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ รายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานในเดือนกรกฎาคมเพิ่มขึ้นเพียง 114,000 ตำแหน่งเท่านั้น อัตราการว่างงานอยู่ที่ระดับสูงสุดในรอบเกือบสามปี ที่ 4.3% ข้อมูลที่อ่อนแอทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจและทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี ลดลงเหลือ 3.782% ในเวลาไม่กี่วัน สถานการณ์ดังกล่าวทำให้เกิดแรงกดดันอย่างต่อเนื่องในการลดดอกเบี้ย ซึ่งในที่สุด Fed ก็ลดดอกเบี้ย 50 จุดพื้นฐานในเดือนกันยายน เริ่มต้นรอบการผ่อนคลายทางการเงินครั้งใหม่

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ ด้วยการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและตลาดแรงงาน นักวิเคราะห์หลายคนเริ่มตั้งคำถามเกี่ยวกับการลดดอกเบี้ยของ Fed ในเดือนกันยายน

อดีตรัฐมนตรีคลัง Larry Summers เขียนใน X (Twitter) เมื่อวันศุกร์ว่า “รายงานการจ้างงานในวันนี้ยืนยันว่าเราอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีอัตราดอกเบี้ยที่ค่อนข้างสูง นโยบายการเงินที่รับผิดชอบจำเป็นต้องระมัดระวังในการลดดอกเบี้ย”

Stanley Druckenmiller นักลงทุนผู้มีชื่อเสียงและหุ้นส่วนเดิมของ George Soros กล่าวเตือนว่า "GDP สูงกว่าค่าเฉลี่ย กำไรบริษัทแข็งแกร่ง ตลาดหุ้นสร้างสถิติใหม่ วิกฤติการเงินรุนแรง และทองคำทำสถิติใหม่ นโยบายการเงินตอนนี้ยังไม่เข้มงวดเพียงพอ"