ราคาน้ำมันดิบ West Texas Intermediate (WTI) สำหรับส่งมอบเดือนพฤศจิกายนปรับตัวขึ้น 0.10 ดอลลาร์ หรือ 0.14% มาอยู่ที่ 70.49 ดอลลาร์/บาร์เรล ณ เวลา 23:07 น. ตามเวลาประเทศไทย โดยได้รับแรงหนุนจากข้อมูลสต็อกน้ำมันดิบในสหรัฐฯ ที่ลดลง

สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐฯ (EIA) รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบในสหรัฐฯ ลดลง 2.2 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่ผ่านมา ในขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.8 ล้านบาร์เรล

• สต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 2.2 ล้านบาร์เรล นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1.4 ล้านบาร์เรล
• สต็อกน้ำมันกลั่น (รวมถึงน้ำมันทำความร้อนและดีเซล) ลดลง 3.5 ล้านบาร์เรล นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 2.5 ล้านบาร์เรล

ก่อนหน้านี้ ราคาน้ำมัน WTI ปรับตัวลดลงหลังจากมีรายงานว่าอิสราเอลไม่มีแผนที่จะโจมตีแหล่งน้ำมันของอิหร่าน โดยหนังสือพิมพ์ Washington Post รายงานว่า นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล ได้แจ้งประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ว่าอิสราเอลวางแผนจะโจมตีเป้าหมายทางทหารของอิหร่าน แต่จะไม่โจมตีแหล่งน้ำมันหรือสถานที่นิวเคลียร์ใด ๆ ของอิหร่าน

สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) เปิดเผยว่าสมาชิกของ IEA พร้อมที่จะดำเนินการหากสถานการณ์ในตะวันออกกลางตึงเครียดและส่งผลกระทบต่อการขนส่งน้ำมัน นอกจากนี้ IEA ยังออกคำเตือนเกี่ยวกับการล้นตลาดของน้ำมัน เนื่องจากความต้องการที่ลดลง

IEA คาดการณ์ว่าความต้องการน้ำมันทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นเพียง 900,000 บาร์เรลต่อวันในปีนี้ และเพิ่มขึ้น 1 ล้านบาร์เรลต่อวันในปีหน้า ซึ่งเป็นระดับที่ลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับช่วงหลังการแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่เคยเพิ่มขึ้น 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน

นอกจากนี้ ความต้องการน้ำมันของจีนในเดือนสิงหาคมลดลง 500,000 บาร์เรลต่อวัน และลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่สี่ ขณะที่การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ในปีนี้และปีหน้าอาจเพิ่มขึ้น 1.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน

รายงานของ IEA สอดคล้องกับการคาดการณ์ของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (OPEC) ซึ่งได้ปรับลดคาดการณ์ความต้องการน้ำมันในปีนี้และปีหน้า โดยคาดว่าความต้องการน้ำมันในปีนี้จะเพิ่มขึ้นเพียง 1.9 ล้านบาร์เรลต่อวัน และในปีหน้าจะเพิ่มขึ้น 1.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน