การซื้อทองคำของธนาคารกลางเป็นปัจจัยหลักที่ผลักดันราคาทองคำพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์

การซื้อทองคำของธนาคารกลางเป็นปัจจัยหลักที่ผลักดันราคาทองคำพุ่งสูงสุดในปีนี้ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางมักไม่ส่งสัญญาณล่วงหน้าให้ทราบว่าเมื่อใดควรพิจารณาซื้อทองคำ แต่ในที่ประชุม ผู้จัดการสำรองของเม็กซิโก มองโกเลีย และเช็กได้แสดงการสนับสนุนการเพิ่มทองคำในคลังสำรอง และจะปรับสัดส่วนการลงทุนในโลหะมีค่า

ในวันจันทร์ที่ 14 ตุลาคม ผู้จัดการสำรองจากธนาคารกลางของเม็กซิโก มองโกเลีย และเช็ก ได้แสดงความชื่นชมเกี่ยวกับการเพิ่มทองคำสำรอง โดยความคิดเห็นเหล่านี้ให้มุมมองที่ชัดเจนเกี่ยวกับการมองทองคำในอนาคต เจ้าหน้าที่กล่าวว่า จากความตึงเครียดทางภูมิศาสตร์ที่เพิ่มขึ้นและอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง สัดส่วนของทองคำในคลังสำรองของประเทศมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

มุมมองจากธนาคารกลาง

ธนาคารกลางแต่ละแห่งมีเหตุผลของตัวเอง มองโกเลียมองว่าทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ในขณะที่ธนาคารกลางเช็กเน้นบทบาทของมันในฐานะสินทรัพย์ที่ช่วยกระจายความเสี่ยง แม้ว่าจะมีความแตกต่างกันในกลยุทธ์ แต่ธนาคารเหล่านี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับอนุพันธ์ทองคำ โดยลอนดอนยังคงเป็นศูนย์กลางที่พวกเขาเลือกเก็บทองคำ

ฆัวกิน ทาเปีย (Joaquín Tapia) หัวหน้าสำรองระหว่างประเทศของธนาคารเม็กซิโกกล่าวว่า “เมื่อพิจารณาถึงบริบทปัจจุบันของเรา—อัตราดอกเบี้ยที่ลดลง ความตึงเครียดทางการเมือง การเลือกตั้งในสหรัฐ และความไม่แน่นอนอื่น ๆ—ทองคำอาจเพิ่มสัดส่วนในพอร์ตการลงทุนของเรา”

เอ็งคิน อาตาลบาตาร์ (Enkhjin Atarbaatar) จากมองโกเลียสนับสนุนคำกล่าวของทาเปีย โดยกล่าวว่า “สำหรับมองโกเลีย ผมคาดว่าการสำรองทองคำจะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง และผมยังคาดหวังว่าสัดส่วนของทองคำในคลังสำรองของมองโกเลียจะเพิ่มขึ้น”

มาเร็ก เชสตัค (Marek Sestak) รองผู้อำนวยการฝ่ายการจัดการความเสี่ยงของธนาคารกลางเช็กกล่าวว่า “ผมเห็นด้วยกับเรื่องนี้อย่างเต็มที่”

การปรับขึ้นราคาทองคำ

ตั้งแต่ต้นปี 2024 ราคาทองคำพุ่งขึ้นกว่า 25% แสดงผลดีกว่าหุ้นและพันธบัตรของสหรัฐ และขึ้นสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ การเพิ่มขึ้นนี้เกิดจากการซื้อทองคำของธนาคารกลางในปริมาณที่ไม่เคยมีมาก่อน เนื่องจากผู้จัดการสำรองต้องการทองคำเป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงเพื่อปกป้องทรัพย์สินของประเทศจากความไม่แน่นอนทางภูมิศาสตร์และเศรษฐกิจ

เทอร์เรนซ์ คีลีย์ (Terrence Keeley) ซีอีโอของห้องปฏิบัติการประเมินผลกระทบกล่าวว่า โดยเฉลี่ยแล้ว 15% ของทุนสำรองเงินตราของธนาคารกลางถือเป็นโลหะมีค่าตามมูลค่าตลาด คีลีย์เคยดำรงตำแหน่งผู้บริหารของแบล็คร็อกและดูแลความสัมพันธ์และบริการกับธนาคารกลางและกองทุนความมั่งคั่งของประเทศ

รายงานจากการประชุมสมาคมตลาดทองคำลอนดอน

ตามที่ได้เน้นในที่ประชุมสมาคมตลาดทองคำลอนดอนในไมอามีเมื่อเร็วๆ นี้ ธนาคารกลางกำลังเน้นความสนใจเชิงกลยุทธ์ในทองคำอีกครั้ง

จากข้อมูลของสมาคมทองคำโลก การซื้อทองคำของธนาคารกลางในไตรมาสที่สองเพิ่มขึ้น 6% แต่คาดว่าในปี 2024 จะลดลงประมาณ 150 ตันเมื่อเทียบกับปี 2023

ธนาคารแห่งชาติกาตาร์กล่าวว่า แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วโลกจะลดลงอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และราคาทองคำจะเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล แต่สภาพแวดล้อมทั่วโลกยังคงเอื้อต่อทองคำ ธนาคารกล่าวในบทวิจารณ์ทางเศรษฐกิจว่า การผ่อนคลายนโยบายการเงินของธนาคารกลางหลัก ค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง และความตึงเครียดทางภูมิศาสตร์จะสนับสนุนราคาทองคำต่อไป

ธนาคารแห่งชาติกาตาร์กล่าวว่า “บทบาทของทองคำในพอร์ตการลงทุนเป็นหัวข้อที่ถกเถียงกันมาอย่างยาวนาน ด้านหนึ่ง ผู้ที่สนับสนุนทองคำมองว่าทองคำเป็นเครื่องมือกระจายความเสี่ยงที่สำคัญ และเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยจากเงินเฟ้อ ความขัดแย้งระหว่างประเทศ และความวุ่นวายภายใน”

ธนาคารแห่งชาติกาตาร์ยังกล่าวอีกว่า “ในทางตรงกันข้าม ผู้ที่ไม่เห็นด้วยมองว่าทองคำเป็น ‘ของโบราณที่ไร้ประโยชน์’ เป็นสินค้าโภคภัณฑ์ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ และมีมูลค่าที่จับต้องได้น้อย”

“ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทองคำได้กลายเป็นแรงผลักดันที่สำคัญของพอร์ตการลงทุนที่หลากหลายทั่วโลก ทองคำได้แตะราคาสูงถึง 2,615 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยสร้างสถิติใหม่ต่อเนื่องกันหลายเดือน” ธนาคารกล่าว ตั้งแต่การระบาดของโรคโควิด-19 ทองคำแสดงผล “ดีกว่า” เกณฑ์มาตรฐานสินทรัพย์หลักอื่น ๆ รวมถึงหุ้นทั่วโลก พันธบัตรรัฐบาล และสินค้าโภคภัณฑ์

บทบาทของทองคำในอนาคต

ทองคำได้พิสูจน์บทบาทของมันในการป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่ในบริบทที่เงินฝืดจะเพิ่มขึ้นเนื่องจากห่วงโซ่อุปทานกลับสู่ภาวะปกติ ทองคำจะยังคงแสดงผลที่ดีในระยะกลางหรือไม่? หรือว่าทองคำจะเผชิญกับช่วงเวลาที่ผลประกอบการลดลง?

ธนาคารแห่งชาติกาตาร์เชื่อว่าสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจมหภาคทั่วโลก “ยังคงเอื้อต่อ” ทองคำ ปัจจัยสำคัญสามประการที่สนับสนุนตำแหน่งของมันคือ:

• วัฏจักรนโยบายการเงินของสหรัฐและยุโรปเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำ ธนาคารกลางสหรัฐและธนาคารกลางยุโรปคาดว่าจะลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 250 และ 150 จุดพื้นฐานตามลำดับ


• การเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศจะสนับสนุนราคาทองคำ ค่าเงินดอลลาร์คาดว่าจะอ่อนค่า 9% ซึ่งจะเพิ่มอำนาจการซื้อทองคำของประเทศอื่น ๆ


• สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจโลกที่ยังคงได้รับผลกระทบจากความไม่แน่นอนทางภูมิศาสตร์ เช่น ความขัดแย้งทางการค้าและความร่วมมือระหว่างประเทศที่ลดลง

ธนาคารกล่าวเสริมว่า ในยุคที่ภูมิรัฐศาสตร์ไม่แน่นอนมากขึ้น ทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่จับต้องได้และไม่ขึ้นกับเขตอำนาจศาล ได้รับความสำคัญมากขึ้น ธนาคารกลางทั่วโลกกำลังสะสมทองคำในปริมาณที่ไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งสนับสนุนความต้องการสถาบันในระยะยาว