Valeria Bednarik หัวหน้านักวิเคราะห์จาก FXStreet ได้เขียนบทความวิเคราะห์แนวโน้มทางเทคนิคของทองคำ โดยเธอระบุว่าแม้ค่าเงินดอลลาร์จะยังคงแข็งค่า แต่ความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยยังคงผลักดันราคาทองคำต่อไป

ราคาทองคำเมื่อวานนี้เพิ่มขึ้น 10.99 ดอลลาร์ หรือ 0.41% ปิดที่ 2,673.59 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยระหว่างวันราคาทองคำเคยพุ่งขึ้นไปแตะระดับ 2,685.36 ดอลลาร์/ออนซ์ ใกล้เคียงกับระดับสูงสุดที่เคยทำไว้เมื่อวันที่ 26 กันยายนที่ 2,685.58 ดอลลาร์/ออนซ์

Bednarik ชี้ว่าราคาทองคำมีเป้าหมายที่จะทดสอบระดับ 2,700 ดอลลาร์/ออนซ์อีกครั้ง ซึ่งเป็นแนวต้านสำคัญ

สำนักข่าว Jerusalem Post รายงานเมื่อวันพุธว่าแหล่งข่าวจากอิสราเอลได้แจ้งกับ ABC News ว่า นายกรัฐมนตรีอิสราเอล Benjamin Netanyahu ได้อนุมัติรายการเป้าหมายที่อิสราเอลจะตอบโต้ต่อการโจมตีด้วยขีปนาวุธของอิหร่านเมื่อต้นเดือนนี้

นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่ารถถัง Merkava ของกองทัพอิสราเอลได้ยิงใส่กองกำลังรักษาสันติภาพของสหประชาชาติ (UNIFIL) ที่ประจำการอยู่ในเลบานอน

ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป 16 ประเทศที่ส่งกำลังพลไปยัง UNIFIL ได้ตกลงกันว่าจะกดดันอิสราเอลให้หลีกเลี่ยงการโจมตีเพิ่มขึ้น เพื่อลดความตึงเครียดในภูมิภาค

กองกำลัง UNIFIL ได้ออกแถลงการณ์ว่า รถถังของอิสราเอลได้ยิงใส่หอคอยสังเกตการณ์ของ UNIFIL ในหมู่บ้าน Kfar Kila ทางตอนใต้ของเลบานอน เหตุการณ์นี้ทำให้กล้องสองตัวของ UNIFIL ได้รับความเสียหาย และหอคอยถูกทำลายบางส่วน

จากมุมมองทางเทคนิค Bednarik ระบุว่า ราคาทองคำมีแนวโน้มที่จะขึ้นต่อเนื่องและท้าทายแนวต้านที่ 2,700 ดอลลาร์/ออนซ์ บนกราฟรายวัน ราคาทองคำได้เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่สอง โดยมีเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่อย่างง่าย (SMA) 20 วันที่ระดับ 2,644.10 ดอลลาร์/ออนซ์ ทำหน้าที่เป็นแนวรับ

ในกราฟเดียวกัน เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ระยะยาวอยู่ต่ำกว่าระดับปัจจุบัน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มในเชิงบวกในระยะยาว นอกจากนี้ ตัวชี้วัดโมเมนตัมยังคงทรงตัวอยู่ที่ระดับ 100 ขณะที่ดัชนี RSI ยังคงเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับประมาณ 64 ซึ่งบ่งบอกว่าฝ่ายซื้อยังคงมีอิทธิพลเหนือแนวโน้ม

Bednarik กล่าวเพิ่มเติมว่า ในระยะสั้น ราคาทองคำยังคงมีความเสี่ยงที่จะปรับขึ้น โดยในกราฟ 4 ชั่วโมง เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 20 ช่วงยังคงวิ่งเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 100 ช่วง ขณะที่เส้นค่าเฉลี่ย 200 ช่วงก็ยังคงเพิ่มขึ้น ซึ่งมักแสดงถึงโมเมนตัมขาขึ้น